การประกันภัยรถยนต์ และ พ.ร.บ. ผู้ประสบภัยจากรถ

การประกันภัยรถยนต์ และ พ.ร.บ. ผู้ประสบภัยจากรถ

การประกันภัยรถยนต์ เป็นสัญญาประกันภัยที่ให้ความคุ้มครอง ชดใช้ค่าเสียหาย ต่อชีวิตร่างกาย และทรัพย์สินที่เกิดจากการใช้รถ การประกันภัยรถยนต์ในปัจจุบัน แยกออกเป็น การประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ) และการประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ

  1. การประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (ประกัน พ.ร.บ.) เป็นการประกันภัยที่กฎหมายบังคับให้ทุกคัน ทุกประเภทต้องทำ ผู้ใดหลีกเลี่ยงมีความผิดต้องถูกปรับเป็นเงินสูงถึง 10,000.- บาท ประกัน พ.ร.บ.นี้จะให้ความคุ้มครองเฉพาะเรื่องชดเชยค่ารักษา หรือเสียชีวิตรวมกันไม่เกิน 80,000.-บาท ไม่ว่าผู้ประสบภัยนั้นจะเป็นผู้ขับขี่รถ เป็นผู้โดยสาร หรือเป็นผู้เดินถนน หากรถของท่านทำเฉพาะประกัน พ.ร.บ. ไว้อย่างเดียว และเกิดไปชนคน ได้รับบาดเจ็บ หรือไปชนท้ายรถ ซึ่งมีค่ารักษา หรือค่าเสียหายเกิน 80,000.- บาท ท่านจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบเองในค่ารักษาหรือ ค่าเสียหายในส่วนที่เกิน 80,000.-บาท
  2. การประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ คือ การประกันภัยรถยนต์ทั่วไป ขึ้นอยู่กับความสมัครใจในการทำ แต่หากได้ทำแล้ว เมื่อเกิดความเสียหายเกิน 80,000.-บาท กรมธรรม์ประกันภัยภาคสมัครใจนี้ก็จะให้ความคุ้มครองชดเชยค่าเสียหายที่เกิน 80,000.-บาท มีความคุ้มครองให้เลือก 3 ประเภท คือ

ประเภท 1 (ชั้น 1)

          * ให้ความคุ้มครองโดยบริษัทประกันภัย จะรับชดใช้ค่าเสียหายต่อชีวิต ร่างกายของบุคคลภายนอก และผู้โดยสาร
          * ชดใช้ค่าเสียหายแก่ทรัพย์สินของบุคคลภายนอก (ขับรถไปชนท้ายรถผู้อื่น หรือกำแพงบ้านผู้อื่นที่ไม่ใช่บ้านของเรา)
          * ชดใช้ค่าเสียหายที่มีต่อรถของเรา (ผู้เอาประกันภัย) เช่น ขับรถตกลงข้างทาง หรือ พลิกคว่ำเองเป็นต้น
          * ชดใช้ค่าเสียหายกรณีเกิดไฟไหม้ หรือ รถเราถูกขโมย

ประเภท 2 (ชั้น 2)

          * ให้ความคุ้มครองโดยบริษัทประกันภัย จะรับชดใช้ค่าเสียหายต่อชีวิต ร่างกายของบุคคลภายนอก และผู้โดยสาร
          * ชดใช้ค่าเสียหายแก่ทรัพย์สินของบุคคลภายนอก (ขับรถไปชนท้ายรถผู้อื่น หรือกำแพงบ้านผู้อื่นที่ไม่ใช่บ้านของเรา)
          * ชดใช้ค่าเสียหายกรณีเกิดไฟไหม้ หรือ รถเราถูกขโมย

ประเภท 3 (ชั้น 3)

          * ให้ความคุ้มครองโดยบริษัทประกันภัย จะรับชดใช้ค่าเสียหายต่อชีวิต ร่างกายของบุคคลภายนอก และผู้โดยสาร
          * ชดใช้ค่าเสียหายแก่ทรัพย์สินของบุคคลภายนอก (ขับรถไปชนท้ายรถผู้อื่น หรือกำแพงบ้านผู้อื่นที่ไม่ใช่บ้านของเรา

ประเภท 3 (พิเศษ)

          * ให้ความคุ้มครองเหมือนกับประเภท 3 ข้างต้น แต่เพิ่มความคุ้มครองรับซ่อมรถของผู้เอาประกันด้วย (ในกรณีรถชนกัน) ข้อดีคือ หากรถของเราเป็นฝ่ายถูก บริษัทประกันของเราจะยังคงดูแลเราจนจบเรื่อง

ข้อควรชวนคิด

    * การโอนรถยนต์ เมื่อผู้เอาประกันภัยรถยนต์โอนรถยนต์ให้บุคคลอื่นให้ถือว่าผู้รับโอนเป็นผู้เอา ประกันภัยตามกรมธรรม์นี้ต่อไป
    * ขับรถดีไม่มีเคลม (อุบัติเหตุ) ติดต่อกัน 5 ปี จะได้รับส่วนลดประวัติถึง 50% ของเบี้ยประกันภัย
    * การหยุดใช้รถ ผู้เอาประกันภัยอาจแจ้งการหยุดใช้รถยนต์เพื่อขอรับเบี้ยประกันภัยคืนจากบริษัทประกันภัยได้โดย
        1. ต้องแจ้งล่วงหน้าเพื่อขอหยุดการใช้รถยนต์
        2. เป็นการหยุดการใช้รถยนต์ 30 วันขึ้นไป และการหยุดใช้รถยนต์มิใช่เพื่อซ่อมแซม
    * การทำประกันรถยนต์ 3 คันขึ้นไปและขอทำประกันแบบหมู่ ก็จะได้รับส่วนลดหมู่อีกต่างหาก
    * กรณีผู้เอาประกันภัยต้องการเปลี่ยนบริษัท ประกันภัยในปีต่อไป สามารถขอหนังสือรับรองส่วนลดประวัติ จากบริษัทเดิมมารับส่วนลดประวัติต่อจากบริษัทประกันภัยใหม่ได้ หรืออาจใช้ใบแจ้งต่อประกันภัยรถยนต์ของบริษัทประกันภัยเดิมนั้นเป็นหลักฐาน แสดง การได้รับส่วนลดประวัติดียื่นต่อบริษัทประกันภัยแห่งใหม่
    * ไม่มีใบขับขี่ - ประกันภัยไม่คุ้มครอง

อัตราค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์
ขึ้นอยู่กับประเภทของการประกัน ชั้น 1 - 2 - 3 หรือลักษณะการใช้รถ ขนาดของรถยนต์ ยี่ห้อของรถ อายุรถยนต์ อายุผู้ขับขี่ รวมทั้งการระบุชื่อผู้ขับขี่ หรือไม่ระบุในกรมธรรม์