ซ่อม หรือ คืนทุนประกัน ดีกว่า..

รายนี้ที่มีปัญหา เพราะ “คุยกันน้อย”  หากคุยระดับเล็กๆไม่ได้ เรือ่งก็คุยกับผู้ใหญ่ขึ้นไป
เรื่องพวกนี้ในมหาลัยไม่มีสอน เจ้าหน้าที่กว่าจะเก่งก็ถูกหลวกจากลูกค้าโกงเยอะแยะ

อาจจะคุยกับคนเพียง 1-2 คนแล้วก็ตัดสินใจ โพส ในพันทิพย์

รายนี้ขาดตัวแทนให้คำปรึกษา และประสานงานนะครับ
เพราะปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นจากการเคลมไม่ว่าเรื่องอะไร ทั้งก่อนทำประกัน หลังทำประกัน
ตัวแทน นายหน้าดีๆจะให้คำปรึกษา ที่ดี หากเจอปัญหาตัสแทนนายหน้านั้นก็จะไปคุยไปเคลียร์ให้
ไม่ต้องไปวุ่น ทำเอง
ดังนั้นหากเราซื้อประกันกับตัวแทนนายหน้าที่ ไม่รับผิดชอบ ไม่ดูแล ไม่ตามงาน ไม่ช่วยเหลือ
ก็จะลำบากครับ ต้องช่วยตัวเอง

ในเงื่อนไขประกัน คือ หากค่าซ่อมเกิน 60% หรือ 70% (ไม่แน่ใจครับ)ของทุนประกันรถ ลุกค้ามีสิทธิขอเคลมรถแบบทั้งคัน เป็น total loss
รายนี้บริษัท บริษัทอนุมัติจ่ายให้ไปแล้วเป็น Total loss ตัวเลขน่าจะที่ 1,100,000 (น่าจะเป็นกรณีนอกเหนือเงื่อนไข)
บริษัททจ่ายเงินให้ finance ไมได้จ่ายให้ลูกค้า เพราะลไฟแนนซ์เป็นเจ้าของรถ

สมมติ..
ลูกค้าซื้อรถ ดาวน์ 300,000
ประกันจ่ายให้ไฟแนนซ์ 1,100,000
ขาดอีก 100,000 ต้องไปจ่ายเพิ่มไฟแนนซ์ (หรืออาจมีการลดดอกเบี้ยให้แล้วแต่จะคุยกัน)
อย่างนี้เท่ากับว่า ลูกค้า ขาดทุนทันที 300,000 แถมยังเป็นหนี้ไฟแนนซ์อีก 100,000

กรณีซ่อม
ซ่อม 400,000 ซึ่งซ่อมจริงอาจมากกว่านั้นก็ได้
ลูกค้าก็ไม่ต้องสูญเงินค่าดาวน์ 300,000 มีรถขับต่อ หลังซ่อมเสร็จ หากซ่อมไม่ดีก็ซ่อมให้ใหม่

แบบไหนคุ้มกว่า !!

บริษัทจ่าย Total loss แล้วให้ลูกค้าไปเเล้ว 1,100,000 (เท่ากับทุนประกันที่ทำ รถราคา 1,4xx,xxx)

เรื่องค่าใช้จ่ายในการลากจูง
เรื่องค่าใช้จ่ายในการลากจูง บริษัทจะจ่ายให้ในงบงบไม่เกิน 20% ของค่าซ่อม
รายนี้ค่าซ่อม 400,000 จึงมีสิทธิ์ได้ใช้บริการ ในวงเงินค่าชากจูงไม่เกิน 80,000 บาท
แต่มีกรณีที่ต้องสำรองจ่ายก่อน เมื่อตำรวจ ยกลากรถไป เพื่อไปทำสำนวนคดีต่างๆ

เรื่องการขอคืนทุนประกันจากคำบอกของเจ้าหน้าที่เคลม
อย่าเชื่ออะไรมาก ต้องให้ทางศูนย์ อู่ เป็นผู็้ตีราคาค่าซ่อม
ว่าเกิน 80% ของทุนประกันรถที่ทำหรือไม่ หากไม่เกิน ,ตามเงื่อนไขก็ต้องซ่อม

ประกันภัยไม่คิดจะจ่ายเพิ่มเติมเลย !!
ในทางปฏิบัติบริษัประกันจะจ่ายตามเงื่อนไข
ส่วนเรื่อง เสียเวลา เสียขวัญ หรือ บาดเจ็บทางใจ โดยหลักต้องไปฟ้องคู่กรณี บริษัท ประกันไม่ได้ทำเรื่องนี้ให้

เรื่องการฟ้อง สคบ. จะไม่เกิดประโยชน์ หาก บริษัทได้ทำตามเงื่อนไขในกรมธรรม์เเล้ว
เพราะเงื่อนไขนั้น คปภใเป็นคนออกกฏนั้นเอง
เเต่การโพส เว็บบอร์ดนี่มีประโยชน์

บริษัทมีเจ้าหน้าที่คอยเช็คข่าวคราวเรื่องแบบนี้ เพื่อตรวจสอบปัญหาด้วย อย่างรายนี้บริษัทก็โทรไปคุย

เรื่องของเรื่องคือ คุยน้อยไป ขาดตัวเเทนมาดูเเลนะครับ
เพราะปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นจากการเคลมไม่ว่าเรื่องอะไร ทั้งก่อนทำประกัน หลังทำประกัน
ตัวแทน นายหน้าดีๆจะให้คำปรึกษา ที่ดี หากเจอปัญหาตัสแทนนายหน้านั้นก็จะไปคุยไปเคลียร์ให้
ไม่ต้องไปวุ่น ทำเอง ดังนั้นหากเราซื้อประกันกับตัวแทนนายหน้าที่ ไม่รับผิดชอบ ไม่ดูแล ไม่ตามงาน ไม่ช่วยเหลือ
ก็จะลำบากครับ ต้องช่วยตัวเอง เสียความรู้สึกเสียเวลา เสียภาพพจน์ ต้องเปลืองตัวลงไปทำเอง
(ซื้อประกันเเล้ว ต้องบริการตัวเอง) เเทนที่จะให้ตัวเเทนเป็นคนลุยเเทน นะครับ

ในเงื่อนไขประกัน คือ หากค่าซ่อมเกิน 60% หรือ 70% (ไม่แน่ใจครับ)ของทุนประกันรถ ลุกค้ามีสิทธิขอเคลมรถแบบทั้งคัน เป็น total loss
รายนี้บริษัท บริษัทอนุมัติจ่ายให้ไปแล้วเป็น (น่าจะเป็นกรณีนอกเหนือเงื่อนไข)

ซึ่งเท่าที่รู้มาบริษัทขายซากรถได้ 700,000 บาท แต่จ่ายให้ไฟแนนซ์ 1,100,000 เท่ากับบริษัทจ่ายไปเพียง 400,000
(ไม่ต่างกับที่จะซ่อมให้ลุกค้า เผลอๆค่าซ่อมอาจะบานปลายกว่า 400,000)

บริษัทจ่ายเงินให้ finance ไมได้จ่ายให้ลูกค้า เพราะไฟแนนซ์เป็นเจ้าของรถ

คิดเล่นๆ สมมติ..

กรณี บริษัทจ่าย total loss
ลูกค้าซื้อรถ ดาวน์ 300,000
ประกันจ่ายให้ไฟแนนซ์ 1,100,000
ขาดอีก 100,000 ต้องไปจ่ายเพิ่มไฟแนนซ์ (หรืออาจมีการลดดอกเบี้ยให้แล้วแต่จะคุยกัน)
อย่างนี้เท่ากับว่า ลูกค้า ขาดทุนทันที 300,000 แถมยังเป็นหนี้ไฟแนนซ์อีก 100,000 ไม่มีรถขับ ต้องหาเงินดาวน์ใหม่

กรณีซ่อม
ซ่อม 400,000 ซึ่งซ่อมจริงอาจมากกว่านั้นก็ได้
ลูกค้าไม่ต้องสูญเงินค่าดาวน์ 300,000 มีรถขับต่อ หลังซ่อมเสร็จ หากซ่อมไม่ดีก็ซ่อมใหม่

หากอุบัติเหตุรถยนต์เกิดขึ้นกับใคร ผมว่าคนั้นย่อมเสียมากกว่าได้

ประกันเเค่จ่ายความคุ้มครองเท่าที่วงเงินคุ้มครอง เท่านั้น

ขอให้ขับรถยนต์ เดืนทางโดยสวัสดิภาพครับ

cr pantip