ภาพรวมของธุรกิจประกันชีวิตในปี 2552

ภาพรวมของธุรกิจประกันชีวิตในปี 2552 ที่ผ่านมา
สภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย ราคาน้ำมัน และทองคำสูงเพิ่มขึ้นเหนือความคาดหมาย
ส่งผลให้สินค้าอุปโภค  บริโภค และค่าครองชีพเพิ่มขึ้นตาม ทำให้ประชาชนมีความระมัดระวังในการใช้จ่ายอย่างมากขึ้น
และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ลดต่ำลง
แต่เป็นผลเชิงบวกต่อธุรกิจประกันชีวิต ที่มีสินค้าหลากหลายให้ผู้บริโภคเลือกหาได้ตรงกับความต้องการของตนเอง
และยังสามารถนำมาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ถึง 100,000 บาท
ที่สำคัญให้ผลตอบแทนอยู่ในระดับที่น่าสนใจ คือ ประมาณ 4 - 5% จึงทำให้ผู้มีเงินออมกลุ่มหนึ่งหันมาซื้อประกันชีวิตแทนการฝากเงิน

ด้วยปัจจัยหลายๆอย่างนี้ ทำให้ธุรกิจประกันชีวิตยังมีโอกาสในการขยายตลาดได้อีกมาก และในอนาคตจะสามารถลดหย่อนภาษีจากเบี้ยประกันชีวิตเพิ่มได้อีก 200,000 บาท รวมเป็น 300,000 บาท จากเดิมที่ลดหย่อนได้ 100,000 บาท (แต่ต้องเป็นแบบประกันแบบบำนาญเท่านั้น)

สัดส่วนการซื้อประกันชีวิต เมื่อเทียบกับระดับ GDP ของประเทศยังอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างต่ำอยู่มาก
ผู้ทำประกันชีวิตที่มีผลบังคับคิดเป็น 25%ของประชากรทั้งประเทศ
เมื่อเทียบกับสิงคโปร์ 50%  มาเลเชีย 50%  ญี่ปุ่น 600%
ดังนั้นในปี  2553 ธุรกิจของประกันชีวิตยังคงมีความสดใส และยังเติบโตได้อีกมาก