ปฏิรูปการดูแลสุขภาพ สหรัฐอเมริกา

ปฏิรูปการดูแลสุขภาพ สหรัฐอเมริกา USA Health Care Reform
US Health Care Reform
USA มีการประกาศใช้ร่างกฏหมายปฎิรูปการประกันสุขภาพของสหรัฐฉบับใหม่ หลังจากที่มีการแก้ไขแล้วล้มเหลวมาหลายครั้ง

ทำไมต้องมีการปฏิรูประบบสุขภาพ ในสหรัฐอเมริกา
1. สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วประเทศเดียวในโลก ที่ยังไม่มีระบบประกันสุขภาพ ที่รับประกันสุขภาพของทุกคน
ซึ่งระบบปัจจุบัน
คนที่อยู่ในวัยทำงาน จะได้รับการประกันสุขภาพจากนายจ้าง (แต่ก็จะมีนายจ้างบางคนที่เลือกที่จะไม่ซื้อประกันให้กับลูกจ้าง เพื่อลดค่าใช้จ่าย)
คนชรา จะได้รับการประกันสุขภาพจากรัฐบาล ผ่านระบบ Medicare
คนที่มีรายได้น้อย จะได้รับการประกันสุขภาพจากรัฐบาล ผ่านโครงการ Medicaid
ยังมีประชากรราว 15% (ประมาณ 46/300 ล้านคน ที่ยังไม่มีประกันสุขภาพ, สัดส่วนนี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 30 ล้านคน เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ถ้าแบ่งออกเป็นตามช่วงอายุ ในกลุ่มของเด็กและผู้ที่เข้าสู่การทำงานใหม่ๆ จะมีสัดส่วนของผู้ที่ไม่มีประกันสุขภาพเป็นสัดส่วนที่สูงมากถึง 25-30% จนถึงอายุประมาณ26 ปี ตรงนี้ ทำให้เกิดความเสี่ยงในกรณีที่ มีการเจ็บป่วย
2. สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีค่าใช้จ่ายเรื่องสุขภาพสูงที่สุดของโลก เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศต่างๆ ทั่วโลก ถึง 16% ของ GDP และ กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวดเร็ว จึงมีนัยสำคัญต่อ
ประชาชนที่ต้องซื้อประกันสุขภาพ เอง หรือ ต่อนายจ้างที่ต้องซื้อประกันสุขภาพนี้ให้ เพราะในช่วงที่ผ่านมา  พบว่า ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เร็วยิ่งกว่าเงินเฟ้อโดยรวม ล่าสุด ระหว่างช่วงปี 96-06 ค่าใช้จ่ายเรื่องประกันสุขภาพของคนอเมริกันสำหรับทั้งครอบครัวเพิ่มจาก 6,462 ดอลลาร์/ปี เป็น 11,941 ดอลลาร์/ปี ซึ่งตรงนี้ ส่วนหนึ่งจะถูกจ่ายโดยนายจ้าง ที่จะตัดเอามาจากเงินเดือนของลูกจ้าง หมายความว่า ต่อไป เงินเดือนก็เพิ่มไม่ได้ ถ้าต้นทุนด้านการประกันสุขภาพยังเพิ่มขึ้นอยู่
สำหรับรัฐบาลเองค่าใช้จ่ายของการดูแลสุขภาพของประชาชน ก็เป็นสัดส่วนที่ใหญ่มาก และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
3. ในช่วงที่ผ่านมา มีบริษัทประกันภัยหลายแห่งในสหรัฐที่เอาเปรียบ (โกง) ลูกค้าที่ทำประกันด้วย เช่นกรณีของบริษัท Assurance Health ที่มีการพยายามหาเหตุผลที่จะปฏิเสธในการจ่ายเงินให้กับลูกค้าที่ซื้อประกัน สุขภาพกับตน เมื่อมีการเจ็บป่วยขึ้น โดยอ้างว่า ลูกค้าไม่ให้ข้อมูลเรื่องสุขภาพของตนอย่างครบถ้วนก่อนที่จะซื้อประกัน หรือปฏิเสธที่จะให้ประกันหากมีปัญหาทางสุขภาพก่อนหน้า
การปฏิรูประบบสุขภาพครั้งนี้ จะแก้ไขกฏเกณฑ์ที่จะไม่ให้ปัญหาลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก

มาตรการสำคัญของการปฏิรูประบบสุขภาพครั้งนี้คืออะไร
การแก้ไขกฏหมายครั้งนี้ มีความครอบคลุมมากในหลายด้าน โดยมีหลักการสำคัญของการปฏิรูปในช่วง 10 ปีข้างหน้า อยู่ 3-4 ด้าน
1. คือ การให้ทุกคนมีประกันสุขภาพ ผ่านมาตรการเช่น
(1) บังคับให้นายจ้างทุกคน ซื้อประกันสุขภาพให้กับลูกจ้างทุกคน (2) บังคับให้คนอเมริกัน ซื้อประกันสุขภาพสำหรับตนเอง (3) ให้คนหนุ่มสาว ได้รับการคุ้มครองภายใต้ประกันภัยของบิดามารดา จนถึงอายุ 26 ปี (4) ให้เงินช่วยเหลือสำหรับครอบครัวที่มีรายได้ไม่มาก (จนถึง 4 เท่าของเส้นยากจนในสหรัฐ) คือ ครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำกว่า 88,000 ดอลลาร์/ปี เพื่อให้ในการซื้อประกันสุขภาพ
2. ปรับกฏเกณฑ์บังคับใช้กับบริษัทประกัน โดยที่บังคับไม่ให้บริษัทประกันปฏิเสธที่จะให้ความคุ้มครองและขายประกันให้ กับคนในกลุ่มต่างๆ โดยเฉพาะในส่วนของการ
(1) ไม่คุ้มครอง เมื่อคนไข้ป่วย (2) ไม่คุ้มครอง สำหรับเด็กที่มีปัญหาด้านสุขภาพบางด้าน (3) ไม่ขายประกันให้สำหรับคนที่อยุ่ในกลุ่มที่เสี่ยงสูง (4) การกำหนดเงื่อนไข (Lifetime cap) เรื่องอายุ
3. เป็นการปรับลดการใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟื่อย และไม่ประหยัดเกี่ยวกับสุขภาพเพื่อลดต้นทุนของค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพในระบบให้ลดลง
ซึ่งทั้งหมดนี้คาดว่าจะสามารถ เพิ่มจำนวนของคนที่ได้รับประกันสุขภาพในสหรัฐได้ถึงประมาณ 32 ล้านคนในช่วง 10 ปีข้างหน้า และทำให้คนอเมริกันได้รับการประกันสุขภาพกันถ้วนหน้า

หาเงินจากไหน ผลต่อเศรษฐกิจและการขาดดุลการคลัง

ด้านรายได้ เก็บภาษีเพิ่มสำหรับโครงการ Medicare และการเก็บภาษีเพิ่มสำหรับในส่วนของผู้ที่มีรายได้สูง สำหรับคนที่มีรายได้มากกว่า 200,000 ดอลลาร์ต่อปีขึ้นไป หรือคนที่ครอบครัวมีรายได้มากกว่า 250,000 ดอลลาร์ต่อปีขึ้นไป
ด้านรายจ่าย พยายามที่จะปรับลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ลง ในส่วนที่เกี่ยวกับรายจ่ายด้านสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการโกง การรายงานมากเกินจริง การจ่ายงินคืนให้กับโรงพยาบาลและแพทย์ ซึ่งจะช่วยลดได้ ประมาณ 5 แสนล้าน
โดยจากการประมาณการทาง CBO ประมาณว่าจะช่วยลดการขาดดุลการคลังให้กับรัฐบาลสหรัฐประมาณ 143,000 ล้านดอลลาร์ ในช่วง 10 ปีข้างหน้า และช่วยลดค่าใช้จ่ายอีกประมาณ 1.2 ล้านล้านดอลลาร์
การลดการขาดดุลการคลังจะค่อยๆ เกิดขึ้น เนื่องจากการปฏิรูปที่ตั้งใจไว้จะค่อยๆ เกิดขึ้นในช่วง 5 ปีข้างหน้า ทำให้กว่าที่จะเห็นผลก็จะต้องใช้เวลาพอสมควรทั้งด้านภาษีและด้านค่าใช้จ่าย ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งต้องมองว่าเป็นการวางราก ฐานในการปฏิรูปไว้ตั้งแต่วันนี้ เพราะจากการศึกษาพบว่า ถ้าไม่ทำอะไรเลยในอนาคต ค่าใช้จ่ายของรัฐบาลสหรัฐเกี่ยวกับสุขภาพจะเพิ่มขึ้นมาก และจะเบียดบังรายจ่ายด้านอื่นๆ ออกไป ส่วนหนี่งก็มาจากปัญหาสังคมชราภาพที่เราได้พูดกันมาแล้วครั้งหนึ่ง จึงต้องรีบดำเนินการตั้งแต่วันนี้
ครั้งนี้เป็นชัยชนะทางการเมืองครั้งสำคัญของ ประธานาธิบดี Obama ซึ่งทำให้ความรู้สึกต่อความสำเร็จของการปกครองของ Obama ปรับตัวดีขึ้นมาก และอย่างที่บอกว่าเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของ Obama และNancy Pelosi และพรรคเดโมแครท ซึ่งจะมีนัยอย่างยิ่งกับการเลือกตั้งกลางเทอมในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่กำลัง จะถึงนี้