คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่แผ่รังสีออกมา

คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่แผ่รังสีออกมา

คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่แผ่รังสีออกมา

ในต่างประเทศพบว่า
มีผู้ที่ทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ถึงกับช็อกมาแล้ว สาเหตุมาจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่แผ่รังสีออกมา บางคนประสาทตาเสีย มีอาการปวดศีรษะ ปวดตา อาเจียน เพราะโมเลกุลในร่างกายเปลี่ยนแปลง ทำให้เกิดภาวะแรงตึงผิวเพิ่มขึ้นมาก

      * ในประเทศออสเตรเลียมีข่าวผ่านสื่ออกมาว่า ผู้ทำงานหน้าคอมพิวเตอร์มีโอกาสเป็นมะเร็งสมองเพิ่มขึ้น เพราะสนามแม่เหล็กที่ส่งผ่านออกมาจากจอมอนิเตอร์หรือจอคอมพิวเตอร์ที่ใช้ หลอด Cathode-ray โดยมีแรงสนับสนุนยืนยันจากการศึกษาวิจัยที่เรียกว่า Adelaide Study ซึ่งเจาะจงศึกษามะเร็งสมองชนิดหนึ่งที่เรียกว่า Glioma และศึกษาเรื่องการได้รับสนามแม่เหล็กกับมะเร็ง

      * มีวิจัยมากกว่า 30 ชิ้น ที่รายงานผลการศึกษาในผู้ใหญ่ที่ทำงานในบริเวณที่มีสนามแม่เหล็กสูง พบว่าเป็นมะเร็งหลายชนิด (ที่พบบ่อยคือ มะเร็งในเม็ดโลหิต มะเร็งสมอง มะเร็งทรวงอก) นอกจากนั้นยังมีรายงานวิจัยบางชิ้น เกี่ยวกับสตรีมีครรภ์ที่ได้รับสนามแม่เหล็กสูง พบว่ามีผลร้ายต่อครรภ์ในอัตราสูงกว่าที่คาดคิด

      * มีรายงานการวิจัยของต่างประเทศสรุปออกมาว่า รังสีของเครื่องคอมพิวเตอร์มีผลร้ายต่อสุขภาพร่างกายคนเรา เช่น หญิงที่นั่งทำงานอยู่หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกวันโอกาสตั้งครรภ์จะน้อยมาก เด็กและหญิงมีครรภ์ไม่ควรอยู่ใกล้เครื่องคอมพิวเตอร์ เพราะอันตรายจากรังสีคอมพิวเตอร์ มีอยู่มากมาย เช่น
                o คลื่นรังสีจากคอมพิวเตอร์ ทำให้เซลล์ที่ควบคุมแคลเซียมของร่างกายทำงานเร็วขึ้นทำให้ง่ายต่อการเป็น มะเร็ง
                o รังสีจากคอมพิวเตอร์และมอนิเตอร์ และ Accessories ต่างๆ มีผลให้เด็กในครรภ์ผิดปกติ แท้งหรืออาจจะคลอดก่อนกำหนด
                o รังสีจากคอมพิวเตอร์และมอนิเตอร์ ทำให้เยื่อจมูกอักเสบ ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ หายใจไม่สะดวก ฯลฯ

ปัญหาความเครียด ความกังวลและท่าทางของการทำงานที่ต้องนั่งเป็นเวลานานๆ ซึ่งเป็นปัจจัยทางเออร์โกโนมิคส์ อาจส่งผลให้เกิดความผิดปกติของทารกในครรภ์ได้

ปัญหาผื่นคันตามผิวหนังในกลุ่มผู้ใช้คอมพิวเตอร์ ไม่สามารถพิสูจน์ยืนยันได้จากการทดสอบในห้องปฏิบัติการว่า มีสาเหตุมาจากการสัมผัสสนามแม่เหล็กไฟฟ้า ในช่วงคลื่นความถี่ที่แผ่ออกมาจากจอภาพคอมพิวเตอร์

แถม
ไมโครเวฟ

      * ข้อมูลจากหนังสือ “การก่อเกิดของโรคภัยไข้เจ็บและการป้องกัน” เขียนโดย ดร.หงซานเปิ่น (ศาสตราจารย์ด้านโภชนาการ มหาวิทยาลัยสิงคโปร์) กล่าวถึงผลร้ายที่เกิดจากไมโครเวฟว่า มีรายงานมากมายที่ทำในประเทศรัสเซีย เยอรมัน และสวิสเซอร์แลนด์ พบว่าคลื่นไมโครเวฟ จะทำให้คลื่นสมองลดลง สมองเสื่อม ความยาวของคลื่นสมองสั้นลง

            บนฉลากขวดนมสำหรับเลี้ยงทารก มีการระบุอย่างชัดเจนว่า ห้ามใช้เตาไมโครเวฟต้มน้ำให้เดือด เนื่องจากคลื่นไมโครเวฟจะไปทำลายสารอาหารที่มีประโยชน์เสียหมด

โทรศัพท์มือถือ
โทรศัพท์มือถือ สามารถแผ่รังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกมาได้ ซึ่งเป็นรังสีชนิดเดียวกับที่ใช้อุ่น และทำอาหารของเตาไมโครเวฟ ซึ่งเป็นคลื่นความร้อนทำลายเซลล์เพียงแต่มีปริมาณน้อยกว่ามาก

ผลจากการศึกษาในประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่ารังสีไมโครเวฟสามารถทำลายเซลล์ประสาท และเซลล์ตัวอ่อนที่อยู่ในครรภ์มารดา ทำให้เป็นโรคต้อกระจก เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมีของโลหิต และยังเป็นสาเหตุของความอ่อนแอในระบบภูมิคุ้มกันอีกด้วย

      * หน่วยงานวิจัยเทคโนโลยีของโทรศัพท์ไร้สาย หรือ “WTR” (Wireless Technology Research) ได้ทำการศึกษาผลข้างเคียงจากการใช้โทรศัพท์มือถือมานานร่วม 7 ปี ก่อนจะมีรายงานสรุปผลออกมาสู่สาธารณชนว่า รังสีไมโครเวฟที่แพร่ออกมาจากเครื่องโทรศัพท์มือถือนั้น มีฤทธิ์ทำลายสารพันธุกรรมในเม็ดเลือด แต่สิ่งที่น่ากลัวไม่ใช่ระดับความถี่ของรังสีไมโครเวฟ แต่เป็นช่วงระยะเวลาของการใช้งาน ดังนั้นผู้ที่ใช้โทรศัพท์มือถือคุยต่อเนื่องกันนานๆ มีโอกาสเสี่ยงสูงมากที่จะเป็นโรคเนื้องอกในสมองชนิดหนึ่ง เรียกกันทางการแพทย์ว่า “Neuroepithelial Tumors”

      * Dr.Lennart Hardell ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคมะเร็งจากสวีเดน กล่าวว่ามีข้อบ่งชี้ทางชีววิทยาว่า มีความเสี่ยงต่อการเกิดเนื้องอกในสมองสูงถึง 2.5 เท่าเมื่อมีการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่

      * Dr.George Carlo กล่าวว่า นักวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน ยังไม่สามารถะออกมาบอกประชาชนได้อย่างแน่ชัดว่า สิ่งที่ค้นพบคือดำหรือชาว แต่ให้นึกถึงความเป็นกลาง ซึ่งเปรียบเสมือนสีเทาและแนะนำว่าทุกคนควรมองปัญหานี้ด้วยความระมัดระวัง มากๆ

      * ส่วนหนึ่งของรายงาน เรื่อง โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลัน โดย ศ.นพ.สุรพล อิสรไกรศีล สาขาโลหิตวิทยา ภาควิชา อายุรศาสตร์ โรงพยาบาลศิริราช ระบุว่ามีรายงานว่าการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ มีความสัมพันธ์กับการเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวและเนื้องอกในสมอง และมีรายงานจากประเทศเดนมาร์กพบว่า ผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นเวลานานกว่า 3 ปีขึ้นไป มีความสัมพันธ์กับการเป็นโรค อย่างไรก็ดี จากการศึกษานี้ไม่พบความสัมพันธ์กับการเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวอย่างมีนัย สำคัญ


เครื่องถ่ายเอกสาร
เครื่องถ่ายเอกสารเป็นอุปกรณ์อีกชนิดหนึ่ง ที่คุณแม่ท้องหลายท่านต้องสัมผัสในออฟฟิศ หรือมีที่นั่งใกล้กับเครื่องถ่ายเอกสารได้มีความวิตกกังวลและมีข้อสงสัยว่า จะเป็นอันตรายกับลูกในท้องหรือไม่

เครื่องถ่ายเอกสารเป็นอุปกรณ์อีกชนิดหนึ่งที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพผู้ใช้โดยไม่รู้ตัว
อันตรายที่ได้รับ

          1. ก๊าซโอโซน เกิดจากการอัดและปล่อยประจุไฟฟ้าที่ลูกกลิ้งและกระดาษโอโซน บางส่วนเกิดจากการปล่อยแสงเหนือม่วง (UV) จากหลอดไฟฟ้าพลังงานสูงของเครื่องถ่ายเอกสาร ส่งผลให้เกิดความระคายเคืองต่อตา จมูก และคอ ทำให้หายใจสั้น วิงเวียนและปวดศีรษะ เป็นสาเหตุของความล้า และการสูญเสียประสาทรับรู้กลิ่นด้วย คนที่มีโรคระบบทางเดินหายใจอยู่แล้ว เช่น โรคหอบหืด ไม่ควรสัมผัสโอโซนเลย

          2. ฝุ่นผงหมึก เครื่องถ่ายเอกสารระบบแห้ง ประกอบด้วยผงคาร์บอนผสมกับเรซิน ประกอบด้วยผงคาร์บอนผสมกับพลาสติกเรซิน ส่วนเครื่องถ่ายเอกสารระบบเปียกผงหมึก จะละลายในสารละลายอินทรีย์พวกปิโตรเลียม ซึ่งมีอันตรายจากส่วนประกอบที่เป็นสารเคมีทั้งสิ้น การหายใจเอาผงหมึกเข้าไปจะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อระบบหายใจ มีอาการไอและจาม

          นอกจากนี้สารไนโตรไพรินซึ่งพบในผงคาร์บอนดำ และไตรไนโตร ฟูโอรีน (TNF) ก็เป็นที่เข้าใจกันว่า เป็นสารก่อมะเร็ง และเป็นสารที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม หรือมีผลทำให้เกิดความผิดปกติของทารกในครรภ์อีกด้วย

          3. แสงเหนือม่วง (รังสียูวี) รังสีจะแผ่ออกมาจากหลอดไฟพลังงานสูงภายในเครื่อง ขณะที่มีการถ่ายเอกสาร ทำให้เกิดการอักเสบของกระจกตาและมีผื่นคันตามผิวหนัง แต่มีผลน้อยมาก

          4. สารละลายอินทรีย์จำพวกปิโตรเลียมไฮโดรคาร์บอน เป็นตัวทำละลายในผงหมึกของเครื่องถ่ายเอกสารระบบเปียก ทำให้เกิดการระคายเคืองตา ผิวหนัง ระบบทางเดินหายใจ เกิดอาการแพ้และเป็นอันตรายต่อระบบประสาทส่วนกลาง

          5. สารเคมีอื่นๆ เช่น ซีลีเนียม แคดเมียมซัลไฟด์ ซิงค์ออกไซด์ และโพลิเมอร์ ซึ่งถูกเคลือบไว้ที่ลูกกลิ้ง มีลักษณะเป็นสารนำแสง ทำให้เกิดการระคายเคืองระบบทางเดินหายใจส่วนต้น ตาและชั้นเยื่อเมือกของกระเพาะอาหาร ตลอดจนเป็นสารก่อมะเร็ง แต่สารเหล่านี้จะถูกปล่อยออกมาในปริมาณน้อยมากเกินกว่าที่จะตรวจสอบได้

เทคโนโลยี ต้องใช้อย่างรู้เท่าทัน

  ศ.นพ.ณรงค์ นิ่มสกุล ประธานชมรมต่อต้านความชรา (ประเทศไทย) นายกสมาคมกิตติมศักดิ์ สมาคมเลเซอร์ทางการแพทย์นานาชาติ คณะอนุกรรมาธิการสิ่งแวดล้อมและมลพิษของวุฒิสภาให้ข้อมูลถึงเรื่องการใช้ เทคโนโลยีเหล่านี้ว่า

  ต่างประเทศมีการศึกษาในหลายมหาวิทยาลัย ทั้งในอเมริกา ยุโรป เกาหลี ญี่ปุ่น ซึ่งมีหลักฐานออกมาว่า อุปกรณ์ต่างๆ ที่เราใช้กันอยู่ในชีวิตประจำวัน เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์ไฟฟ้าชนิดอื่นๆ สามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้คือ ทำให้เกิดมะเร็ง โรคเจ็บตามข้อทั่วทั้งตัว โรคเอ๋อ การแท้ง ในต่างประเทศจะตื่นตัวมากกว่า และทุกคนจะระวังตัวมาก

  เมื่อสองปีที่แล้วมีการประชุมเรื่อง กระแสคลื่นแม่เหล็กที่เรียกว่า Electromagnetic radiation (EMR) คือคลื่นจากแม่เหล็กไฟฟ้า ในประเทศไทยยังไม่มีการป้องกันคลื่น EMR ที่เกิดขึ้น ซึ่งมีอยู่ในเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านและที่ทำงาน ทั้งคอมพิวเตอร์ ทีวี ตู้เย็น โทรศัพท์มือถือ แม้กระทั่งหม้อไฟ ซึ่งถ้าเป็นในต่างประเทศจะไม่มีใครเข้าไปใกล้หรือเข้าไปอยู่ในบริเวณนั้น

  เพราะมีการศึกษามีรายงานเกี่ยวกับอันตรายของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า แม้กระทั่งไปตั้งอยู่กลางทุ่งนา ข้าวหรือพืชที่ปลูกยังมีการกลายพันธุ์ วัวหรือแพะที่นำมาเลี้ยงในบริเวณนั้น เกิดการแท้งเนื่องจากความแรงของกระแสแม่เหล็ก แต่ในประเทศไทยยังอยู่หน้าบ้าน และยังไม่มีการระวังในเรื่องนี้

  เรื่องโทรศัพท์มือถือนั้น เป็นเครื่องมือที่ให้ความสะดวกกับชีวิตประจำวัน แต่การใช้โทรศัพท์มือถือเป็นเวลานาน จะก่อให้เกิดเนื้องอกในสมอง โดยเฉพาะในเด็กที่กะโหลกยังบางอยู่ ซึ่งเริ่มมีรายงานมาเรื่อยๆ เด็กวัยรุ่นที่คุยโทรศัพท์นานเป็นชั่วโมง บางที 2-3 ชั่วโมง ก็ควรจะระวังให้มากขึ้นเพราะการที่เราเอาโทรศัพท์มาแนบหู เราจะรับคลื่นที่ส่งมาอย่างเต็มที่ ส่วนเด็กทารกในท้องแม่จะได้รับผลกระทบหรือไม่ ยังไม่มีคำตอบ เพราะยังไม่มีการทดลอง คงไม่มีใครเสี่ยงที่จะทดลอง

  สำหรับผู้ที่มีความจำเป็นต้องใช้โทรศัพท์มือถือนานๆ ศ.นพ.ณรงค์ แนะนำว่าควรใช้สมอลทอล์ค เพราะคลื่นจะพุ่งเข้าสู่โทรศัพท์เท่านั้น ไม่มาที่ตัวเหมือนเอาโทรศัพท์แนบหูไว้ แต่หากใช้โทรศัพท์สายตรงในบ้าน หรือในออฟฟิศได้จะปลอดภัยกว่า

  ส่วนคลื่นจากเตาไมโครเวฟ คุณหมอตั้งสถานการณ์สมมติว่าแม่คนหนึ่งทำงานในร้านอาหาร ที่ต้องใช้เตาอบไฟฟ้า ซึ่งจะมีคลื่นแรงมาก และต้องทำงานอยู่ในเคาน์เตอร์แคบๆ มีเตาอบอยู่และร้านก็มีลูกค้ามาก ต้องคอยอุ่นอาหารให้อยู่ตลอดเวลา แม่ก็จะได้รับรังสีเต็มที่และถ้าไม่ทราบว่าตั้งท้อง ก็จะยิ่งมีโอกาสที่เด็กจะเกิดปัญหาแน่นอน คืออาจจะเกิดการแท้งได้

  ผู้ที่ต้องนั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ หรือเด็กที่ติดเกมนานๆ ก็จะได้รับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเต็มที่ และจะทำให้เกิดโทษแก่ร่างกายได้ เพราะฉะนั้นควรเพิ่มความระมัดระวังในการใช้ ไม่ใช้เกินความจำเป็น ถ้าต้องทำงานก็ควรมีการพักผ่อนบ้าง หากเกิดความผิดปกติต้องรีบไปพบแพทย์ เช่น อยู่หน้าคอมพิวเตอร์นานๆ แล้ววิงเวียนศีรษะ ตามมองไม่ชัด เป็นลมง่าย ต้องรีบไปพบแพทย์ เพราะถ้ามีความผิดปกติแพทย์จะได้ช่วยเช็ก และให้คำแนะนำ

  อุปกรณ์ใกล้ตัวอีกชนิดหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือโทรทัศน์ ปกติถ้าเราดูอยู่ห่างๆ ก็ไม่เป็นอันตราย แต่บางคนดูในระยะใกล้หรือเปิดทีวีแล้วนอนดูและเผลอหลับไป ซึ่งอาจจะเป็นเวลานานก็จะได้รับรังสีที่ออกจากทีวีตลอด ซึ่งเป็นอันตรายที่ต้องระวัง

  สถานการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ในเมืองไทย ประชาชนให้ความสนใจแต่ยังไม่มากนัก ส่วนกรณีคนท้องและเด็กยังไม่มีใครศึกษาโดยตรง แต่จากคนธรรมดาและการประมวลอื่นๆ ก็ทำให้คิดได้ว่าต้องมีอันตรายแน่นอน เพราะฉะนั้นคนท้องจึงไม่ควรไปอยู่หน้าคอมพิวเตอร์นานหลายชั่วโมง เพราะหากมีปัญหาเกิดขึ้นมา แล้วแก้ไขลำบาก จึงควรป้องกันไว้ก่อน

  ศ.นพ.ณรงค์ แนะนำว่าให้เพิ่มความระมัดระวังในการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าให้มากขึ้น เพราะเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกอย่างทั้งในบ้านและในออฟฟิศมีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งสามารถทำให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายได้ จึงควรใช้อย่างระมัดระวัง อย่าใช้เกินความจำเป็น ก็จะช่วยป้องกันปัญหาเรื่องนี้ได้ในระดับหนึ่ง

  การนำเสนอเนื้อหา งานวิจัยต่างๆ รวมทั้งความคิดเห็นของแพทย์ในครั้งนี้ มิได้มุ่งหมายที่จะโจมตีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด รวมถึงมิได้มีเจตนาจะทำให้บรรดาคุณแม่ตั้งครรภ์ตื่นตระหนกหรือวิตกกังวลแต่ อย่างใด หากแต่ต้องการให้เพิ่มความระมัดระวังในการดำเนินชีวิตประจำวัน รวมถึงรู้จักใช้อุปกรณ์ และเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างชาญฉลาด ด้วยความปลอดภัยและได้ประโยชน์สูงสุด
ถ้ากลัวรังสีคอมจะเข้าตัวก็ต้องเอา Amethyst  Tourmaline หรือแร่ Quatz จะสามารถดูดรังสีได้
หาซื้อได้ที่ The Silom Galleries (JTC) ชั้น B1


ID=2358,MSG=2656


⭐️ เราให้คำแนะนำปรึกษา รักษาผลประโยชน์ให้ลูกค้า ของเรา
⭐️ เราอยู่เคียงข้างลูกค้าของเรา ช่วยเหลือ ดูแลบริการ
⭐️ เรารองรับช่องทางติดต่อมากมาย สะดวก เข้าถึงง่าย
⭐️ เราดำเนินธุรกิจยาวนานกว่า20 ปี คุณจึงมั่นใจได้
⭐️ คุณมีสามารถรับบริการทั้งจากบริษัทประกันเจ้าของสินค้า และ เรา (ตัวกลาง)

ไทย มีราว 80 บริษัทประกันภัย สินค้าที่แตกต่าง ทั้ง เงื่อนไข ราคา เคลม ความมั่นคง นโยบาย ฯลฯ
ขายผ่านตัวกลาง กว่า 500,000 ราย : ตัวแทน นายหน้า ธนาคาร บิ๊กซี โลตัส ค่ายรถยนต์ เฮ้าส์แบรนด์ ของประกันภัย หรือ ซื้อตรงกับบริษัทเจ้าของสินค้า
⭐️ ตัวอย่าง การบริการ กดดูที่ลิงค์นี้

"สิ่งที่ต้องคำนึงอันดับแรกในการซื้อประกัน คือ ตัวกลางประกันภัย ซึ่งจะเป็นที่ปรึกษา ช่วยเหลือ ดูแลเรา ตลอดอายุกรมธรรม์"

โปรดรอ

display:inline-block; position:relative;
โทร.(จ-ศ : 9-16) เว้นวันหยุดฯ , ลูกค้าเรา บริการ 24/7/365 , Thursday เวลา 08:47:01am เปิดทำการ 9.00
Copyright © 2018 Cymiz.com., All rights reserved.นโยบาย,ข้อตกลงcymiz.com