แบบประกันชีวิต และ ประเภทประกันชีวิต

แบบประกันชีวิต และ ประเภทประกันชีวิต เหมือนหรือความแตกต่างกันอย่างไร?

ชื่อแบบประกันภัย ที่บริษัทแต่ละบริษัทมีนั้นถือว่าเป็นการค้าหรือการให้ชื่อกับตัวสินค้า จะได้จำง่าย ขายง่าย ไม่สับสน อาทิ เช่น เพชรน้ำหนึ่ง อัญมณี ธนทวี พลอยไพลิน โกล์ดไลฟ์ ทุนการศึกษาเยาวชน ก้าวหน้าบำนาญพิเศษ ทรัพย์อุดม สินทวี ห่วงรัก ดั่งฝัน สะสมทรัพย์21 ตลอดชีพ ฯลฯ

สรุปแล้ว ที่มีแบบประกันเป็นร้อยๆ พันๆแบบนั้นจะออกมาเป็นแบบจริงๆ ตามแบบประกันพื้นฐานสำหรับลูกค้ามีเพียง 4 แบบหลักเท่านั้น คือ
1.แบบภายในกำหนดเวลา หรือแบบชั่วระยะเวลา = คุ้มครองล้วนๆ
2.แบบสะสมทรัพย์ = คุ้มครอง และ ออมทรัพย์พอๆกัน, เบี้ยประกันที่จ่ายจะมาจากส่วนของความคุ้มครองเเละส่วนของออมทรัพย์
3.แบบตลอดชีพ = คุ้มครองมาก ออมทรัพย์น้อย, เบี้ยประกันที่ต้องจ่ายค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบกับการคุ้มครองที่ได้รับ
4.แบบเงินได้ประจำ = คุ้มครองน้อย ออมทรัพย์มาก, เน้นที่เงินคืน เงินปันผล ตอนครบปี ครบสัญญา ไม่เน้นคุ้มครอง



"แบบประกันชีวิต และ ประเภทของประกันชีวิต"

แบบของประกันชีวิต
1.แบบภายในกำหนดเวลา หรือแบบชั่วระยะเวลา = คุ้มครองล้วนๆ
ไม่มีเงินคืนเมื่อครบ เบี้ยที่จ่ายเพื่อการคุ้มครองจริง ทุนประกันคุ้มครองจึงได้สูงในจำนวนเบี้ยประกันที่จ่ายเท่ากันเมื่อไปซื้อแบบอื่น

-เบี้ยประกันภัยต่ำ
-คุ้มครอง มีระยะเวลา1 ปี,5 ปี,10ปี
-ไม่มีเงินคืนเมื่อครบสัญญา

แบบนี้ไม่ค่อยมีคนอยากซื้อ และตัวแทนก็ไม่ค่อยนิยมขาย ถ้ามีโอกาสตัวแทนอยากเลือกแบบอื่นมากกว่า แต่แบบนี้กลับเป็นที่นิยมในประเทศที่ ธุรกิจประกันชีวิตเจริญ เช่น สหรัฐอเมริกา คนไทยมักจะบอกว่าซื้อไปทำไม ตายแล้วไม่ได้ใช้เงิน เอาแบบที่มีเงินคืนดีกว่า แต่ขาวอเมริกามองว่า ซื้อเฉพาะคุ้มครอง ส่วนของการออมทรัพย์สู้ไปลงทุนดีกว่า เช่นถ้าแบบชั่วระยะเวลาเบี้ยประกัน 2,000 บาท/ปี ต่อทุนประกันภัย 100,000 บาท ขณะที่แบบสะสมทรัพย์ทุนประกัน 100,000 บาท เบี้ยประกันภัย 10,000 บาท/ปี เอาส่วนต่าง 8,000 บาท ไปลงทุน จะได้ผลตอบแทนมากกว่าฝากประกันชีวิต

2.แบบสะสมทรัพย์ = คุ้มครอง และ ออมทรัพย์พอๆกัน, เบี้ยประกันที่จ่ายจะมาจากส่วนของความคุ้มครองเเละส่วนของออมทรัพย์
-คุ้มครอง และออมทรัพย์ใกล้เคียงกัน
-เบี้ยประกันภัยสูง
-มี ระยะเวลา ครบสัญญาได้เงินทุนประกัน
-หากเกิดโรคภัยจะได้รับการคุ้มครอง

3.แบบตลอดชีพ = คุ้มครองมาก ออมทรัพย์น้อย, เบี้ยประกันที่ต้องจ่ายค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบกับการคุ้มครองที่ได้รับ
-เบี้ยประกันภัยกลางๆ ต่ำกว่า แบบสะสมทรัพย์แต่สูงกว่าแบบชั่วระยะเวลา
-เป็นการจัดให้กองมรดก คนฝากไม่ได้รับจะตกอยู่กับหลาน
-ระยะยาว ความคุ้มครองถึงอายุ 99 ปี หรือ 90 ปี

4.แบบเงินได้ประจำ = คุ้มครองน้อย ออมทรัพย์มาก, เน้นที่เงินคืน เงินปันผล ตอนครบปี ครบสัญญา ไม่เน้นคุ้มครอง
-ไม่มีการจ่ายทุนประกันภัยเมื่อครบสัญญาส่งเบี้ยประกันภัยแล้ว
-เป็นการจ่ายเงิน เป็นงวดๆ หลังครบสัญญาให้เป็นระยะๆ แบบเงินบำนาญ บางทีจึงเรียกแบบบำนาญ
-จะให้จนกว่าจะเสียชีวิต หรือตามระยะเวลาที่กำหนดหลังครบสัญญาส่งเบี้ยประกันภัยแล้ว

บริษัทประกันชีวิต สามารถนำแบบประกันพื้นฐานเหล่านี้ มายำ รวมกัน ปนกัน ทำให้แต่ละบริษัทมีแบบประกันชีวิตมากมาย หลายสิบแบบหลายร้อยแบบ

ประเภทของประกันชีวิต 3 ประเภท
1. ประเภทสามัญ หรือ รายงวด
โดยมีลักษณะเด่นอยู่อย่างหนึ่งคือ ลูกค้าต้องชำระเบี้ยประกันเป็นรายปี หากชำระเป็นราย 6 เดือน หรือ 3 เดือน ผู้เอาประกัน ต้องยอมจ่ายดอกเบี้ยเล็กน้อย เพื่อมิให้ผู้ที่ชำระเบี้ยเป็นรายปีเสียเปรียบ ปัจจุบันนี้บางบริษัทให้ชำระเบี้ยเป็นรายเดือนได้ ด้วย จุดเด่นของประเภท สามัญมีอีกอย่างหนึ่งคือ บริษัทเปิดโอกาสให้ลูกค้าเลือกซื้อสัญญาเพิ่มเติมในสัญญาหลักได้ เช่น สัญญาเพิ่มเติมคุ้มครอง อุบัติเหตุ ฆาตกรรม จลาจล สัญญาเพิ่มเติมสุขภาพ สัญญาเพิ่มเติมคุ้มครองโรคร้าย

2. ประเภทอุตสาหกรรม หรือบางแห่งก็เรียกประเภทมวลชน หรือ รายเดือน
ประเภทนี้เรียกตามภาพลูกค้าและการขาย คือตัวแทน จะขายส่วนใหญ่ในโรงงานอุตสาหกรรมขายจำนวนลูกค้ามากๆ จะให้คุ้มกับการลงทุนไปบริการแต่ละครั้ง ลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่ง เกษตรกร จึงเปลี่ยนชื่อเรียกเป็นมวลชน ประเภทนี้ไม่มีการตรวจสุขภาพของผู้เอาประกัน เหมือนประเภทสามัญ แต่ใช้ วิธีป้องกันตนเอง จึงมีระยะปลอดความคุ้มครองหรือระยะเวลารอคอย บริษัทจะไม่ให้ความคุ้มครองทันทีที่ออกกรมธรรม์ จนกว่าจะครบ 6 เดือน แล้วจึงจะเริ่มคุ้มครอง หากลูกค้าเป็นอะไรในช่วงระยะรอคอย ก็ให้ญาติมารับเบี้ยประกันคืนไปอย่างเดียว การคุ้มครองอุบัติเหตุ ไม่มีสัญญาเพิ่มเติม แต่ เป็นรูปแบบสำหรับตัวเดียวรวมกับเบี้ยประกันชีวิตไว้เรียบร้อย จึงไม่มีการซื้อขายสัญญาเพิ่มเติม ปัจจุบันนี้บริษัทที่ยังยืนหยัดนโยบายของธุรกิจโดย ใช้ประเภทอุตสาหกรรมเป็น หลักใหญ่คือ บริษัทไทยสมุทรประกันชีวิต เพราะตรงกับตลาดคนไทย กลุ่มฐานลูกค้ามีมากมายมหาศาลคนซื้อก็ตัดสิน ใจง่าย เพราะเบี้ยประกันเริ่มต้นเดือนละไม่กี่ร้อยบาทก็ทำได้แล้ว ด้วยเหตุนี้ กระมัง ทำให้บางบริษัท ขยายวิธีการเก็บเบี้ยประกันประเภทสามัญเป็นรายเดือนได้

3. ประเภทกลุ่ม
สหกรณ์เกือบทุกแห่ง จะทำประกันประเภทกลุ่มให้แก่สมาชิก ตามกฎหมายกำหนดไว้ตั้งแต่ 10 คน ก็ถือเป็นกลุ่มได้แล้ว แต่ต้องเป็นลักษณะกิจการไม่ใช่ไปรวมตัวกันเองแล้วมาเสนอขอซื้อประกันกลุ่ม บริษัทประกันชีวิต จะออกกรมธรรม์เพียงฉบับเดียว ไม่ว่าจะคุ้มครอง คนกี่คน ลูกค้าแต่ละคนจะได้ใบรับรองหรือบัตรซึ่งบรรจุรายละเอียด ความคุ้มครองแล้วต้องส่งเบี้ยให้ครบปี ยกเว้นจะตกลงกันเป็นอย่างอื่นภายหลัง ในเรื่องความคุ้มครอง ก็จะเป็นเรื่องการเสียชีวิตเป็นหลักแต่ทุกวันนี้เริ่มมีการเพิ่มเติมค่า รักษาพยาบาลรายวัน หรือสุขภาพ อื่นๆ
หน้าแรก | ประกันวินาศภัย | ประกันชีวิต | การสั่งซื้อ | การชำระเงิน | สนับสนุน | สาระน่ารู้ | ผังเว็บไซต์ | ติดต่อเรา
Copyright © 2006 Cymiz.com., All rights reserved. Power by Cymiz.com
Valid XHTML 1.0 Transitional Valid CSS!